You are currently viewing โรคข้อเข่าเสื่อม คืออะไร?

โรคข้อเข่าเสื่อม คืออะไร?

โรคข้อเข่าเสื่อม Knee Osteoarthritis) คือ โรคที่เกิดจากการเสื่อมสภาพ และการสึกหรอของผิวกระดูกอ่อนที่ข้อเข่าตามช่วงอายุ หรืออาจเกิดจากสาเหตุอื่น ๆ เช่น น้ำหนักตัวเกินเกณฑ์, ใช้งานข้อเข่าอย่างหนัก, เคยประสบอุบัติเหตุ หรือมีโรคประจำตัว เป็นต้น โดยอาการของข้อเสื่อมที่สามารถพบในผู้ป่วยส่วนใหญ่ คือ อาการปวดข้อเข่า ซึ่งอาการปวดนั้นสามารถส่งผลให้เกิดการอักเสบภายในข้อเข่าได้ ถ้าหากไม่ทำการรักษาอาจเพิ่มระดับความรุนแรงของโรค และความเสียหายของข้อเข่าได้ ดังนั้น หากมีความผิดปกติที่ข้อเข่า จึงควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทาง และเข้ารับการรักษาอย่างถูกวิธี ไม่ปล่อยให้เกิดอาการเรื้อรัง เพื่อป้องกันไม่ให้อาการรุนแรงมากขึ้น และส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน

ปัจจัยที่ทำให้เกิด โรคข้อเข่าเสื่อม

• อายุ : อายุมากมีโอกาสเป็นมาก เนื่องจากใช้งานข้อเข่าเป็นเวลานาน
• เพศ : เพศหญิงเป็นโรคเข่าเสื่อมมากกว่าเพศชายถึง 2 เท่า
• น้ำหนัก : ผู้ที่มีน้ำหนักตัวมาก มีโอกาสข้อเข่าเสื่อมได้มากกว่า
• พฤติกรรม : ผู้ที่นั่งยองๆ นั่งคุกเข่า นั่งขัดสมาธิ หรือนั่งพับเพียบนานๆ
• เล่นกีฬาที่มีการกระแทก : มักเกิดการปะทะบริเวณหัวเข่า ทำให้หัวเข่าบาดเจ็บ เป็นเหตุให้ข้อเข่าเสื่อมเร็วขึ้น
• อุบัติเหตุ : ผู้ที่ประสบอุบัติเหตุมีการกระแทกที่ข้อเข่า หรือกระดูกข้อเข่าแตก เอ็นฉีก ทำให้เกิดข้อเข่าเสื่อมเร็วขึ้น
• ผู้ที่เป็นโรคข้ออักเสบ:  เช่น รูมาตอยด์ เกาต์  มักมีอาการปวดอักเสบบริเวณข้อเข่า

อาการของโรคข้อเข่าเสื่อมที่ควรรู้
หลาย ๆ ท่านอาจรู้สึกปวดเข่า หรือยืดขาไม่ได้ไม่สุดอยู่บ่อยครั้ง แต่ไม่ได้สังเกตอาการของตัวเองเท่าที่ควร หรืออาจละเลยอาการเหล่านั้นอยู่เสมอ ดังนั้น ทุกคนควรต้องสังเกตอาการของตัวเอง หรือผู้สูงอายุในครอบครัว โดยอาการบ่งชี้ของโรคข้อเข่าเสื่อม มีดังนี้

• มีอาการปวดเข่าอยู่เป็นประจำ
ถ้าหากมีอาการปวดเข่าอยู่บ่อยครั้ง ถือว่ามีโอกาสเสี่ยงที่จะเป็นโรคข้อเข่าเสื่อม โดยอาการปวดข้อเข่านั้นมักจะเป็น ๆ หาย ๆ ติดต่อกันเป็นระยะเวลามากกว่า 6 เดือน หรือว่ารู้สึกปวดในขณะทำกิจกรรม เช่น เดินระยะไกล, นั่งยอง, นั่งพับเพียบ, นั่งสมาธิ หรือกิจกรรมที่ก่อให้เกิดแรงกดต่อข้อเข่าเยอะ เป็นต้น ซึ่งหลาย ๆ คนมักจะมองข้ามอาการปวดเข่า เพราะคิดว่าอาการปวดหัวเข่านั้นเพียงแค่นั่งพัก หรือทานยาแก้ปวดก็หาย ซึ่งถ้าหากปล่อยทิ้งไว้นาน ๆ อาจไม่สามารถหายเองได้ หรืออาจจะปวดบ่อยมากกว่าเดิม

• มีอาการเข่าติด หรือฝืดตึง และยืดขาได้ไม่สุด
อาการเข่าติด หรือฝืดตึง เป็นอีกอาการที่สามารถบ่งบอกได้ถึงโรคข้อเข่าเสื่อม โดยอาการเข่าติด หรือฝืดตึงนั้นมักจะพบในตอนเช้า หรือหลังจากตื่นนอน ซึ่งจะมีอาการเข่าติด ฝืดตึง ไม่สามารถยืดเหยียด หรืองอเข่าได้อย่างเต็มที่ ส่งผลให้เคลื่อนไหวได้ลำบากในช่วงเช้า รวมถึง ช่วงที่ไม่ได้เคลื่อนไหวร่างกายในระยะหนึ่ง แล้วจะกลับมาเคลื่อนไหวอีกครั้ง ก็จะมีอาการเข่าติด ฝืดตึง หรือเคลื่อนไหวได้ลำบากเช่นกัน

• มีเสียงดังกร๊อบแกร๊บในข้อเข่า
การมีเสียงในข้อเข่าเป็นอาการของโรคข้อเข่าเสื่อมที่สามารถสังเกตได้ง่าย โดยจะได้ยินเสียงดังมาจากข้อเข่าในขณะที่เคลื่อนไหว เช่น ขณะที่เหยียด หรืองอเข่า เป็นต้น ซึ่งบางคนอาจจะมีอาการปวดร่วมด้วย ดังนั้น ถ้าหากสังเกตได้ว่าตัวเองมีเสียงในข้อเข่า ควรเข้าปรึกษาแพทย์ เพื่อเข้ารับการรักษาอย่างถูกต้อง

• มีอาการบวม แดง
ถ้าหากสังเกตได้ว่าบริเวณข้อเข่ามีอาการบวม หรืออุณหภูมิบริเวณหัวเข่าข้างใดข้างหนึ่งสูงกว่าอีกข้าง ควรรีบเข้าปรึกษาแพทย์ และเข้ารับการรักษาให้เร็วที่สุด เพราะว่าอาการบวมในบริเวณข้อเข่านั้นเป็นอาการของโรคข้อเข่าเสื่อมที่เกิดจากการอักเสบภายในข้อเข่า หรือข้ออักเสบ โดยอาการนี้มักจะพบในผู้ป่วยโรคข้อเข่าเสื่อมระยะปานกลาง แต่ถ้าหากไม่เข้ารับการรักษา อาการอาจจะรุนแรงมากขึ้นกว่าเดิม

• มีอาการเจ็บ เมื่อกดบริเวณข้อเข่า
เมื่อกดบริเวณข้อเข่าแล้วมีอาการเจ็บ ถือว่ามีโอกาสเสี่ยงสูงที่จะเกิดจากโรคข้อเข่าเสื่อม โดยจะรู้สึกเจ็บบริเวณข้อเข่า โดยเฉพาะด้านในของข้อเข่า ซึ่งบางคนอาจจะมีอาการปวดบริเวณด้านหน้าหรือด้านหลังหัวเข่าร่วมด้วย ขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของโรค ดังนั้น ถ้าหากมีอาการเหล่านี้ จึงควรรีบพบแพทย์ และเข้ารับการรักษา เพื่อชะลอความรุนแรง และการเสื่อมของข้อเข่าที่กำลังจะเพิ่มมากขึ้น

วิธีรักษาโรคข้อเข่าเสื่อมในทางการแพทย์
ถึงแม้ว่าจะสามารถแก้อาการปวดข้อเข่าเบื้องต้นด้วยตนเองได้ แต่การเข้ารับการรักษาอย่างถูกวิธีก็มีความจำเป็นเช่นกัน โดยวิธีการรักษาโรคข้อเข่าเสื่อมในทางการแพทย์ที่นิยมใช้ในปัจจุบันมีทั้งหมด ดังนี้

• ฉีด PRP (Platelet Rich Plasma)
การฉีด PRP (Platelet Rich Plasma) หรือที่หลาย ๆ คนอาจจะเรียกว่าการฉีดเกล็ดเลือด เป็นวิธีการรักษาโรคข้อเข่าเสื่อมด้วยการนำเลือดของผู้ที่รับการรักษามาปั่น เพื่อแยกเกล็ดเลือด และสารช่วยสร้างเนื้อเยื่อ หลังจากนั้นจะนำเกล็ดเลือดเข้มข้นที่ได้ไปฉีดในส่วนข้อที่มีปัญหา ซึ่งวิธีนี้สามารถช่วยบรรเทาอาการปวดได้ และช่วยให้บริเวณที่บาดเจ็บมีอาการดีขึ้น แถมยังเป็นวิธีที่ปลอดภัย มีประสิทธิภาพสูง และผลข้างเคียงต่ำมากอีกด้วย

• ฉีดยาสเตียรอยด์
การฉีดยาสเตียรอยด์ เป็นวิธีการรักษาโรคข้อเข่าเสื่อมที่มักจะใช้ในผู้ป่วยที่ข้อเข่ามีอาการอักเสบแบบเฉียบพลัน หรือผู้ป่วยที่ไม่ตอบสนองต่อการทานยา โดยยาสเตียรอยด์นั้นจะช่วยลดอาการอักเสบ บวม และแดงได้อย่างรวดเร็ว แต่ว่าฤทธิ์ยาจะอยู่ได้ในระยะสั้น ดังนั้น การฉีดยาสเตียรอยด์จึงเลือกใช้ในกรณีที่จำเป็น หรือตามดุลยพินิจของแพทย์เท่านั้น

• ฉีดน้ำหล่อเลี้ยงข้อเทียม
การฉีดน้ำหล่อเลี้ยงข้อเทียม เป็นวิธีการรักษาโรคข้อเข่าเสื่อมที่ใช้ในผู้ป่วยที่อยู่ในระยะแรกจนถึงปานกลาง โดยการฉีดน้ำหล่อเลี้ยงข้อเทียมนั้นสามารถช่วยลดอาการปวดของผู้ป่วยได้ เพราะว่าน้ำหล่อเลี้ยงข้อเทียมจะช่วยเพิ่มความหล่อลื่นให้กับข้อเข่า และช่วยลดแรงกระแทกบริเวณข้อเข่าได้ในบางส่วน ซึ่งน้ำหล่อเลี้ยงข้อเทียมจะออกฤทธิ์ เพื่อช่วยลดอาการปวดช้ากว่ายาสเตียรอยด์ แต่ว่าสามารถช่วยลดอาการปวดได้นานกว่า

• การทำกายภาพบำบัด
การทำกายภาพบำบัด เป็นวิธีการรักษาโรคข้อเข่าเสื่อมด้วยการเน้นไปที่การบริหารกล้ามเนื้อต้นขาด้านหน้า และต้นขาด้านหลัง เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยสามารถพยุง พร้อมกับรับน้ำหนักของตัวเองได้มากขึ้น และช่วยแบ่งเบาน้ำหนักที่ถ่ายลงมายังข้อเข่าได้มากขึ้น ซึ่งสามารถเสริมสร้าง และฟื้นฟูกล้ามเนื้อหัวเข่าให้แข็งแรงมากขึ้น นอกจากนั้นยังช่วยบรรเทาอาการปวดหัวเข่าให้ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แถมยังช่วยป้องกันอาการปวดเข่าในระยะยาวได้อีกด้วย

• การผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียม
การผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียม เป็นวิธีการรักษาโรคข้อเข่าเสื่อมที่ช่วยลดอาการปวดข้อได้ดีที่สุด เพราะว่าเป็นการผ่าตัดที่ใส่ข้อเข่าเทียมครอบข้อเข่าเดิมที่มีการเสื่อมสภาพและสึกหรอ ซึ่งในปัจจุบันนั้นมีเทคโนโลยีในการผ่าเข่าที่ก้าวหน้า ส่งผลให้แผลของผู้ป่วยนั้นมีขนาดเล็ก ใช้เวลาในการผ่าเข่าสั้นลง และไม่ต้องพักฟื้นนาน จึงทำให้ผู้ป่วยไม่รู้สึกถึงอาการปวดข้อเข่าที่ส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน แถมยังสามารถใช้งานข้อเข่าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นอีกด้วย

ใส่ความเห็น